วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การจำแนกสายพันธุ์กระต่าย

ในปัจจุบันได้มีพันธุ์กระต่ายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นจาก กรณีใดกรณีหนึ่งใน 3 กรณีคือ

1. เกิดจากการกลายพันธุ์ (Mutation) หมายถึงมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรม โดยทันทีทันใด เช่น ถูกรังสี ตัวอย่าง เช่น กระต่ายพันธุ์ซาตินซึ่งเป็นกระต่ายของ อเมริกาเกิดมาจากการกลายพันธุ์ของกระต่ายพันธุ์ ฮาวาน่า , กระต่ายพันธุหูตก (Lop - ear) กระต่ายพันธุ์เร็กซ์ (Rex) ซึ่งเป็นกระต่ายพันธุ์ขนสั้น หรือกระต่ายพันธุ์แองโกล่าเป็นต้น

2. เกิดจากการรวมกัน (Combination) ของลักษณะที่มีอยู่ของกระต่ายตั้งแต่สองพันธุ์หรือมากกว่านั้นในกรณีนี้การเกิดอาจเกิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้

3. เกิดจากการคัดเลือก (Selection) ลักษณะเฉพาะเพื่อให้แตกต่างไปจากพันธุ์เดิม เช่น กระต่ายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ดวาร์ฟ ซึ่งเป็นกระต่ายของประเทศ เนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นกระต่าย ของประเทศ เนเธอร์แลนด์ เกิดจากการคัดเลือกจากกระต่ายพันธุ์โปลิช ซึ่งเป็นกระต่ายของประเทศ อังกฤษ


การจำแนกสายพันธุ์กระต่าย (Classification of breeds)
การจัดแบ่งพันธุ์กระต่ายค่อนข้างจะทำได้ยากแต่วิธีที่กระทำอยู่คือ

การจัดแบ่งตามขนาด
1. กระต่ายพันธุ์ขนาดใหญ่ (Large breeds)
กระต่ายที่มีขนาดใหญ่มักจะเรียกว่ากระต่ายยักษ์ (Giant Rabbit) กระต่ายที่มีขนาด ใหญ่โตที่สุดในโลก คือ กระต่ายพันธุ์เฟลมมิชไจแอนท์ ส่วนกระต่ายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ ไจแอนท์ ชินชิลล่า พันธุ์เชคเกอร์














2. กระต่ายพันธุ์ขนาดกลาง (Medium breeds)
มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 4 - 5.5 กิโลกรัม ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ พันธุ์นิวซีแลนไวท์ พันธุ์ ซาติน เป็นต้น













3. กระต่ายขนาดเล็กพันธุ์ขนาดเล็ก (Small breeds)
กระต่ายที่มีขนาดเล็กนิยมเลี้ยงกันได้แก่พันธุ์แทน พันธุ์ฮาวาน่าเป็น ต้น กระต่ายเหล่านี้มีน้ำหนักประมาณ 1.8 - 3.2 กิโลกรัม












การจัดแบ่งตามลักษณะขน
1. กระต่ายพันธุ์ขนปกติ (Normal fur breed)
กระต่ายที่มีขนปกติจะมีความยาวขนประมาณ 1 นิ้ว เช่น กระต่าย พันธุ์ เฟลมมิชไจแอนท์ , กระต่ายพันธุ์ นิวซีแลนด์ไวท์

2. กระต่ายพันธุ์เร็กซ์ (Rexbreed)
ลักษณะขนแบบนี้จะพบเฉพาะในกระต่ายพันธุ์เร็กซ์ ซึ่งมีขนาดปานกลางเท่านั้น ขนมีลักษณะสั้นตั้งตรง คล้ายกำมหยี่ ส่วนขนชั้นนอกสั้นกว่าขนชั้นใน ซึ่งมีความยาวขนประมาณ 5/8 นิ้ว

3. กระต่ายพันธุ์ซาติน (Satin breed)
ขนจะประกอบไปด้วยส่วนแกนขน (Hair Shaft) ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กและส่วนที่หุ้มขนมีลักษณะโปร่งแสง (Trangs - lucent) มากกว่าขนปกติจึงทำให้ขนแบบนี้มีสีและความเป็นเงางาม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น