วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

สายพันธุ์กระต่ายที่นิยมเลี้ยงกัน

1. เท็ดดี้แบร์ เสน่ห์ของเท็ดดี้แบร์อยู่ที่ความปุกปุย ของขนซึ่งยาวตลอดทั้งตัว มองผิวเผินคล้ายสุนัขพันธุ์ชิห์สุ ปัจจุบันมีด้วยกันหลายสี นับเป็นกระต่ายในกลุ่มพันธุ์เล็กซึ่งเมื่อโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม เท่านั้น ส่วนความยาวเต็มที่ของขนประมาณ 4-5 นิ้ว เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการพัฒนาด้วยฝีมือนักเลี้ยงชาวไทยอาจกล่าวได้ว่าเป็นพันธุ์ที่เกิดในเมืองไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาสายพันธุ์มาจากพันธุ์แองโกล่า

2. โปลิช สำหรับเจ้าสายพันธุ์นี้นับว่าเป็นสายพันธุ์เล็กที่สุดก็ว่าได้เพราะมีน้ำหนักประมาณ 8 ขีด เมื่อโตเต็มวัย จุดเด่นของโปลิชคือ ตัวเล็กขนสวยเป็นเงางาม รูปหน้ากลม ตาโต และหูสั้น

3. มินิล๊อป อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่หูตกทั้งสองข้าง เมื่อมีอายุได้ 1-2 ปีขึ้นไป กะโหลกศีรษะใหญ่ ขนสั้นแน่น เป็นเงางาม เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม นับเป็นสายพันธุ์ที่มีค่าตัวสูงพอสมควร หากแต่ด้วยความน่ารัก เสน่ห์ที่ดึงดูดใจ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักเลี้ยงทั้งหลาย และที่สำคัญตอนนี้ในบ้านเรามีการเพาะเลี้ยงเองทำให้ราคาพอคุยกันได้

4. เนเธอแลนด์ ดวาร์ฟ จัดเป็นกระต่ายขนาดเล็ก มีน้ำหนักเพียง 0.9 กิโลกรัม เท่านั้น หรือเมื่อโตเต็มวัยก็หนักประมาณ 0.5 – 1.1 กิโลกรัม ปัจจุบันที่ ได้รับความนิยมคือชนิดพันธุ์สีขาว เป็นกระต่ายที่มีขนปกติจะมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ขนปกตินี้ประกอบด้วย ขนชั้นนอกที่ยาวและขนขั้นในที่สั้นกว่าขนปกติ

5. ไลอ้อน เฮดสายพันธุ์นี้เกิดจากการเพาะผสมข้ามสายพันธุ์ โดยใช้พันธุ์ลูกผสมพันธุ์ขนยาวผสมกับพันธุ์ขนสั้น ตัวอย่างเช่น ใช้พันธุ์ขนยาวคือพันธุ์แองโกล่า หรือใช้พันธุ์อิงลิช แองโกล่า มาผสมกับพันธุ์ขนสั้นคือ ซิลเวอร์ฟอกซ์ หรือจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองก็ได้ พัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนได้กระต่ายที่มีรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่น โดยมีขนขึ้นฟองบริเวณแผงหน้ารอบลำคอ สะโพก และขา ส่วนบริเวณอื่นนั้นจะขนสั้น ลักษณะดังกล่าวดูคล้ายสิงโต จึงเป็นที่มาของชื่อเจ้าสัตว์แสนน่ารักนี้เอง นอกจากเมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งจัดว่าเป็นกระต่ายขนาดกลางใครที่ชื่นชอบหน้าตาแบบนี้หาซื้อมาเลี้ยงกันได้สงวนราคาไม่แพงมากนัก เพราะเป็นพันธุ์ที่เพาะขยายพันธุ์เองได้ในประเทศไทย

6. เจอรี่วู้ดดี้ อีกหนึ่งสายพันธุ์ขนยาวที่ได้รับความนิยมเลี้ยงมากที่สุดเช่นกัน โดยลักษณะทั่วไปคล้ายกับพันธุ์เท็ดดี้แบร์ คือมีขนยาวปกคลุมตลอดทั้งตัวจนแทบมองไม่เห็นหน้าตา ดูผิวเผินคล้ายสุนัขพันธุ์ขนยาว หากแต่แตกต่างกันตรงที่เจ้าเจอรี่วู้ดดี้ นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม จัดว่าเป็นกลุ่มพันธุ์ขนาดกลาง เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศแต่ในปัจจุบันมีการนำมาเพาะขยายพันธุ์ได้ผลสำเร็จ ทำให้ราคาค่าตัวไม่สูงมากนัก แถมคุณภาพทัดเทียมจากต่างประเทศ ใครที่ชอบความน่ารัก ขนปุกปุยรับรองได้ผิดหวังสำหรับสายพันธุ์นี้

7. เล็กข์ (กำมะหยี่) กลุ่มสายพันธุ์ขนาดใหญ่อันมีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งนัก ด้วยลักษณะอันโดดเด่นของขนที่หยิกสั้นหนาคล้ายกำมะหยี่ นอกจากนี้ส่วนของศีรษะหรือกะโหลกจะมีขนาดใหญ่และหูของเจ้าเล็กข์มีขนาดสมส่วน เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 3-4.5 กิโลกรัม

8. แองโกล่า ล๊อปรูปร่างหน้าตาอาจดูคล้ายกับพันธุ์มินิล๊อป โดยมีความเด่นตรงหู ที่ยาวตก ลำตัวกลมป้อม หากแตกต่างตรงที่จะมีขนที่ยาวกว่า สีขนมีหลายสีเช่น ขนมีสีน้ำตาลแดง และสีขาวสลับดำเป็นต้น เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม นับเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

9. ฮอลแลนด์ ล๊อปตัวอ้วนป้อมกลม กะโหลกหนา หน้าตาออกไปทางกลมมน ใบหูปกปิดลงมา ขนสั้นหนาเป็นมันวาว มีหลายสี โดยสีที่นิยมกันจะเป็นสีซาติน สีหมอก และ สีน้ำตาลไหม้ เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม หากใครซื้อมาเลี้ยงรับรองเสน่ห์ความน่ารักของมันไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น