วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โรคที่พบในกระต่าย


ฝีหนอง
ฝีหนองตามอวัยวะส่วนต่างๆของกระต่าย เกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อที่บาดแผล ทำให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นตุ่มหนองขึ้นมาใต้ผิวหนัง ลักษณะของฝีหนองจะเป็นก้อนนูนขึ้นมา นิ่ม ไม่เป็นก้อนแข็ง เมื่ออักเสบมากขึ้น สัมผัสดูจะรู้สึกอุ่นและเห็นเป็นสีเหลืองขุ่นที่อยู่ภายใน ถ้าลองใช้เข็มเจาะจะมีหนองข้นๆไหลออกมา กระต่ายที่เป็นฝีในระยะแรกนั้นจะยังกินอาหารและมีพฤติกรรมปกติ แต่หากเราปล่อยไว้โดยไม่รักษา ฝีจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและแตกออก ซึ่งจะทำให้กระต่ายเจ็บปวดมาก และจะลุกลามต่อเนื่องได้ เมื่อเป็นมากๆ จะส่งผลให้กระต่ายกินอาหารได้น้อยลง ซึม นอกจากนี้แล้วกระต่ายที่เคยเป็นฝีแล้วครั้งหนึ่ง มีโอกาสที่จะเป็นอีกได้มากและง่ายขึ้นเนื่องจากในร่างกายยังมีเชื้อที่กำจัดไม่หมด ดังนั้นการรักษากระต่ายที่เป็นฝีจึงควรทำเสียแต่เนิ่นๆ

หวัด
หวัด เป็นโรคที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับกระต่าย โดยเฉพาะลูกกระต่ายเล็กๆ ถ้ามีการติดเชื้ออย่างรุนแรงจะทำให้ถึงตายได้ ปัจจัยขั้นต้นที่อาจทำให้กระต่ายเป็นหวัด ได้แก่ ความเครียด อุณหภูมิ และความชื้น ดังนั้นจึงควรระวังไม่ให้กระต่ายเกิดความเครียด และเลี่ยงไม่ให้กระต่ายอยู่ในที่ร้อนอบอ้าวหรือชื้นแฉะตลอดเวลา ที่ตั้งของ กรงกระต่ายจะต้องร่มรื่น อากาศถ่ายเทสะดวกและปลอดภัยจากลมฝน ถ้าเลี้ยงหลายๆตัว เมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งป่วย ให้รีบแยกออกมาและทำความสะอาดกรงเพื่อฆ่าเชื้อทันที เพราะสามารถติดต่อกันได้เร็วมาก กระต่ายที่เป็นหวัด จะมีอาการน้ำมูกไหล จาม เท้าหน้าทั้งสองข้างเปียกเนื่องจากกระต่ายจะพยายามเช็ดน้ำมูกตลอดเวลา กระต่ายที่ป่วยมากๆจะซึม ไม่กินอาหาร ไม่ค่อยมีแรง

ท้องเสีย
กระต่ายมีระบบทางเดินอาหารที่ซับซ้อนและบอบบาง การให้อาหารที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพของกระต่ายอย่างมาก โดยเฉพาะลูกกระต่ายอายุไม่เกิน 3 เดือน ผนังลำไส้จะมีความบอบบางมาก หากท้องเสียมากๆอาจทำให้ถึงตายได้ เนื่องจากลูกกระต่ายมักทนความเจ็บปวดไม่ไหว การท้องเสียในกระต่ายมี 2 สาเหตุใหญ่ด้วยกัน คือ
1. การเปลี่ยนอาหารอย่างกะทันหัน การให้อาหารที่กระต่ายไม่เคยกิน ทำให้ระบบการย่อยปรับตัวไม่ทัน กระต่ายที่ท้องเสียเนื่องจากสาเหตุนี้จะไม่เป็นอันตรายมากนัก
2. ท้องเสียจากการได้รับเชื้อ ซึ่งติดต่อทางอาหาร น้ำ และมูลของกระต่ายที่ป่วย จะมีอาการรุนแรงกว่าและจำเป็นต้องได้รับยารักษาโรค และแยกกระต่ายตัวที่ป่วยออกจากตัวอื่นๆ เนื่องจากสามารถติดต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็วมาก
อาการเริ่มต้น
เล็กลงกว่าปกติ มีลักษณะนิ่ม และมีกลิ่นเหม็น
การป้องกัน
ดูแลความสะอาดของกรงกระต่าย อาหารภาชนะที่ใส่อาหารและน้ำจะต้องสะอาด โดยเฉพาะภาชนะที่ใส่น้ำกระต่ายจะต้องล้างและเปลี่ยนน้ำทุกวัน ถ้าจะเปลี่ยนหรือให้อาหารชนิดใหม่แก่กระต่าย จะต้องค่อยๆให้ทีละน้อย เพื่อให้ระบบการย่อยอาหารได้ปรับตัว
** ลูกกระต่ายที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ยังไม่ควรให้ทานผัก ให้ได้เฉพาะหญ้าขนและอาหารเม็ดเท่านั้นหากนำกระต่ายของคนอื่นมาเลี้ยงต่อ ควรถามคนเลี้ยงเดิมด้วยว่าเขาเลี้ยงกระต่ายตัวนั้นด้วยอะไรบ้าง
** "หญ้า" คือสิ่งจำเป็นมากสำหรับกระต่าย ถ้าหาหญ้าขนให้กระต่ายไม่ได้ก็ควรหาหญ้าอื่นมาทดแทน เช่น หญ้าแห้ง, หญ้าอัลฟัลฟา ที่ขายสำเร็จรูปในร้านสัตว์เลี้ยงทั่วไป
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.petpub.150m.com ครับ ^^

กระต่ายคือคำตอบที่ถูกต้องสำหรับคุณจริงหรือ?

ที่เราคิดจะเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสักอย่างหนึ่งนั้น สัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดก็ย่อมมีสิ่งที่จะต้องพิจารณาแตกต่างกันไป โดยเราจะต้องคิดถึงข้อดี ข้อด้อย ข้อจำกัดต่างๆ นอกเหนือจากเรื่องของความชอบส่วนบุคคลแล้ว แต่สำหรับการที่จะเลือกเลี้ยงกระต่ายเป็นเพื่อนนั้น คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า "กระต่ายเหมาะสมกับคุณ หรือ คุณเหมาะสมกับกระต่ายหรือไม่" คำถามนี้เป็นคำถามที่ เราจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน ยังไงลองพิจารณาบทความนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่า กระต่ายใช่คำตอบสุดท้ายที่ถูกต้องสำหรับคุณหรือไม่ ...
สัตว์เลี้ยงตัวน้อยขนปุย จอมซุกซนนี้ สำหรับคนไทยนั้นยังถือว่าไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่สำหรับชาวต่างชาตินั้น โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา สัตว์เลี้ยงชนิดนี้กลับได้รับความนิยมอย่างมากมาย เพราะว่าเค้ามีความเชื่อที่ว่าเท้ากระต่าย (Rabbit Foot) เป็นสิ่งนำโชคสำหรับพวกเขา กระต่ายจึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมือนกับว่าลึกลับสำหรับคนไทย อีกทั้งในประเทศไทยมีกระต่ายอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์ การที่คุณจะเลือกกระต่ายสักตัวให้สวย น่ารัก และถูกใจจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย อีกทั้งการเลี้ยงกระต่ายก็มีข้อจำกัดในการเลี้ยงอยู่บ้าง ดังที่จะกล่าวต่อไป แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาเพื่อนที่รู้ใจ น่ารัก ขนปุย และที่สำคัญคือ ไม่ส่งเสียงดัง คำตอบที่เรานึกถึงก็คือ กระต่าย ลองพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจของคุณ

คุณมีเวลาอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมงหรือไม่
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะเลี้ยงกระต่ายสักตัวหนึ่งแล้ว กิจวัตรประจำวันที่คุณต้องปฏิบัติให้กระต่ายนั้น ค่อนข้างจะต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งการให้อาหาร เปลี่ยนน้ำสะอาด ทำความสะอาดกรง สางขนสำหรับสายพันธุ์ขนยาว และที่สำคัญที่สุดคือการปล่อยให้กระต่ายได้วิ่งเล่นอย่างเป็นอิสระบ้าง ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการให้อิสระ ไม่ใช่การกักขัง


คุณมีสถานที่ที่เหมาะสมหรือไม่
ที่วางกรงสำหรับกระต่าย ควรเป็นที่ที่มีอากาศถ่ายเทตลอดทั้งวัน ไม่ร้อนจัด ลมไม่พัดแรง และต้องไม่ชื้นแฉะ เพราะกลิ่นฉี่ของกระต่ายค่อนข้างมีกลิ่นที่แรง ยิ่งถ้าผสมกับมูลด้วย ยิ่งไม่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก และอาจจะเป็นแหล่งที่เพาะเชื้อโรคเป็นอย่างดี ดังนั้นกระต่ายจึงไม่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงในบ้านหรือสถานที่ที่ปิดอับ ฉะนั้นคุณจึงต้องเตรียมสถานที่วางกรงให้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยสำหรับกระต่าย


สัตว์เลี้ยงตัวเก่าของคุณพร้อมหรือไม่สำหรับเพื่อนใหม่
สำหรับบางคนที่เลี้ยงสุนัขหรือแมวอยู่แล้ว ต้องการเลี้ยงจะกระต่ายเพิ่ม สิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากเป็นพิเศษ เนื่องจากธรรมชาติของสุนัขและแมว สัตว์เหล่านี้ที่มีสัญชาตญาณของการล่าเสมอ (นอกจากสุนัขบางสายพันธุ์ แต่แมวนี่คือศัตรูตัวฉกาจของกระต่ายเลย) และกระต่ายมักจะเป็นผู้ถูกล่าเสมอ เพราะฉะนั้น มันไม่เป็นการดีแน่ หากคุณมีสุนัขหรือแมวอยู่ก่อนแล้วในบ้าน เรื่องนี้มีวิธีแก้ไขหากคุณต้องการนำกระต่ายมาเลี้ยงเพิ่มจริง ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ คุณต้องพิจารณาว่าสุนัขและแมวของคุณ มีนิสัยอย่างไร และน่าจะเป็นอันตรายต่อกระต่ายหรือไม่ ถ้าหากเค้ามีนิสัยไม่ก้าวร้าวและเป็นมิตร การจะเลี้ยงกระต่ายเพิ่มขึ้นอีกสักตัว ก็ไม่เป็นไร ดังนั้น ก่อนทึ่คุณจะตัดสินใจเลือกกระต่ายมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวของคุณ คุณต้องพิจารณาสัตว์เลี้ยงเดิมก่อนว่า เค้าจะยอมรับเพื่อนใหม่ขนปุยเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านหรือไม่


กระต่ายและเด็กน้อยคือเพื่อนซี้กันจริงหรือ
แน่นอน เด็กน้อยน่ารักและกระต่ายน้อยเข้ากันได้อย่างดี เพราะกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความอดทนในการจับ อุ้ม เป็นอย่างดี กระต่ายจะไม่ทำร้ายเด็ก ๆ อีกทั้งกระต่ายยังเหมาะสมที่จะใช้ฝึกเด็ก ๆ ให้รู้จักความรับผิดชอบ และทำให้จิตใจของเด็ก ๆ อ่อนโยน แต่ ... ข้อควรระวังสำหรับเด็กน้อยที่ไม่สามารถอุ้มกระต่ายได้อย่างถูกวิธีนั้นจะทำให้กระต่ายดิ้นหลุดมือ นั่นอาจทำให้กระต่ายได้รับอันตราย อีกทั้งสองขาหลังของกระต่ายนั้นเป็นขาที่ทรงพลังอย่างมหาศาล กระต่ายอาจจะดิ้นหรือถีบตัวเองออกจากการอุ้ม ทำให้เล็บอันแหลมคมจากขาหลังทำร้ายเด็ก ๆ ได้ และนี่คือสิ่งที่คุณต้องระมัดระวัง


นักทำลายและกัดแทะทุกสิ่ง
ที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ากระต่าย คือ ยอดนักขุด และกัดแทะทุกสิ่งที่ขวางหน้า ดังนั้น พรม เฟอร์นิเจอร์สุดหรู สายไฟฟ้า สายโทรศัทพ์ สิ่งเหล่านี้อาจถูกทำลาย เสียหายได้ หากคุณไม่ได้เตรียมตัวป้องกันไว้ล่วงหน้า คุณยอมรับได้หรือไม่กับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในบ้านคุณ โดยไม่ได้ตั้งใจของน้องกระต่ายได้

ถึงตรงนี้การเลี้ยงกระต่ายเริ่มไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดแล้วใช่ไหม คุณมีสิ่งที่คุณจะต้องปฏิบัติและคำนึงถึงมากมาย คุณพร้อมที่จะเสียเวลาให้กับกระต่ายในแต่ละวันแล้วหรือยัง คุณเตรียมการป้องกันความเป็นนักทำลายและกัดแทะของกระต่ายแล้วหรือ ชีวิตประจำวันของคุณจะต้องเปลี่ยนไป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณต้องตัดสินใจตรงนี้ให้ได้ก่อนว่าคุณมีคุณสมบัติที่ดีเหมาะสมกับการเลี้ยงกระต่ายแล้วหรือยัง และ ถ้าคำตอบคือ ใช่ กระต่ายก็พร้อมและเหมาะสมสำหรับคุณเช่นกัน จากนี้ไปก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้วละ ที่จะต้องอ่านบทความเพื่อรู้จักกระต่ายให้มากกว่านี้ ถ้าพร้อมแล้วก็อ่านบทความต่อไปได้เลย ... ลุย


ขอบคุณข้อมูลดีๆจากhttp://www.thairabbitclub.com/ครับ ^^

การจำแนกสายพันธุ์กระต่าย

ในปัจจุบันได้มีพันธุ์กระต่ายใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นจาก กรณีใดกรณีหนึ่งใน 3 กรณีคือ

1. เกิดจากการกลายพันธุ์ (Mutation) หมายถึงมีการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางพันธุกรรม โดยทันทีทันใด เช่น ถูกรังสี ตัวอย่าง เช่น กระต่ายพันธุ์ซาตินซึ่งเป็นกระต่ายของ อเมริกาเกิดมาจากการกลายพันธุ์ของกระต่ายพันธุ์ ฮาวาน่า , กระต่ายพันธุหูตก (Lop - ear) กระต่ายพันธุ์เร็กซ์ (Rex) ซึ่งเป็นกระต่ายพันธุ์ขนสั้น หรือกระต่ายพันธุ์แองโกล่าเป็นต้น

2. เกิดจากการรวมกัน (Combination) ของลักษณะที่มีอยู่ของกระต่ายตั้งแต่สองพันธุ์หรือมากกว่านั้นในกรณีนี้การเกิดอาจเกิดโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้

3. เกิดจากการคัดเลือก (Selection) ลักษณะเฉพาะเพื่อให้แตกต่างไปจากพันธุ์เดิม เช่น กระต่ายพันธุ์ เนเธอร์แลนด์ดวาร์ฟ ซึ่งเป็นกระต่ายของประเทศ เนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นกระต่าย ของประเทศ เนเธอร์แลนด์ เกิดจากการคัดเลือกจากกระต่ายพันธุ์โปลิช ซึ่งเป็นกระต่ายของประเทศ อังกฤษ


การจำแนกสายพันธุ์กระต่าย (Classification of breeds)
การจัดแบ่งพันธุ์กระต่ายค่อนข้างจะทำได้ยากแต่วิธีที่กระทำอยู่คือ

การจัดแบ่งตามขนาด
1. กระต่ายพันธุ์ขนาดใหญ่ (Large breeds)
กระต่ายที่มีขนาดใหญ่มักจะเรียกว่ากระต่ายยักษ์ (Giant Rabbit) กระต่ายที่มีขนาด ใหญ่โตที่สุดในโลก คือ กระต่ายพันธุ์เฟลมมิชไจแอนท์ ส่วนกระต่ายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ ไจแอนท์ ชินชิลล่า พันธุ์เชคเกอร์














2. กระต่ายพันธุ์ขนาดกลาง (Medium breeds)
มีน้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 4 - 5.5 กิโลกรัม ที่นิยมเลี้ยงได้แก่ พันธุ์นิวซีแลนไวท์ พันธุ์ ซาติน เป็นต้น













3. กระต่ายขนาดเล็กพันธุ์ขนาดเล็ก (Small breeds)
กระต่ายที่มีขนาดเล็กนิยมเลี้ยงกันได้แก่พันธุ์แทน พันธุ์ฮาวาน่าเป็น ต้น กระต่ายเหล่านี้มีน้ำหนักประมาณ 1.8 - 3.2 กิโลกรัม












การจัดแบ่งตามลักษณะขน
1. กระต่ายพันธุ์ขนปกติ (Normal fur breed)
กระต่ายที่มีขนปกติจะมีความยาวขนประมาณ 1 นิ้ว เช่น กระต่าย พันธุ์ เฟลมมิชไจแอนท์ , กระต่ายพันธุ์ นิวซีแลนด์ไวท์

2. กระต่ายพันธุ์เร็กซ์ (Rexbreed)
ลักษณะขนแบบนี้จะพบเฉพาะในกระต่ายพันธุ์เร็กซ์ ซึ่งมีขนาดปานกลางเท่านั้น ขนมีลักษณะสั้นตั้งตรง คล้ายกำมหยี่ ส่วนขนชั้นนอกสั้นกว่าขนชั้นใน ซึ่งมีความยาวขนประมาณ 5/8 นิ้ว

3. กระต่ายพันธุ์ซาติน (Satin breed)
ขนจะประกอบไปด้วยส่วนแกนขน (Hair Shaft) ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กและส่วนที่หุ้มขนมีลักษณะโปร่งแสง (Trangs - lucent) มากกว่าขนปกติจึงทำให้ขนแบบนี้มีสีและความเป็นเงางาม


สายพันธุ์กระต่ายที่นิยมเลี้ยงกัน

1. เท็ดดี้แบร์ เสน่ห์ของเท็ดดี้แบร์อยู่ที่ความปุกปุย ของขนซึ่งยาวตลอดทั้งตัว มองผิวเผินคล้ายสุนัขพันธุ์ชิห์สุ ปัจจุบันมีด้วยกันหลายสี นับเป็นกระต่ายในกลุ่มพันธุ์เล็กซึ่งเมื่อโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม เท่านั้น ส่วนความยาวเต็มที่ของขนประมาณ 4-5 นิ้ว เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการพัฒนาด้วยฝีมือนักเลี้ยงชาวไทยอาจกล่าวได้ว่าเป็นพันธุ์ที่เกิดในเมืองไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาสายพันธุ์มาจากพันธุ์แองโกล่า

2. โปลิช สำหรับเจ้าสายพันธุ์นี้นับว่าเป็นสายพันธุ์เล็กที่สุดก็ว่าได้เพราะมีน้ำหนักประมาณ 8 ขีด เมื่อโตเต็มวัย จุดเด่นของโปลิชคือ ตัวเล็กขนสวยเป็นเงางาม รูปหน้ากลม ตาโต และหูสั้น

3. มินิล๊อป อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ที่หูตกทั้งสองข้าง เมื่อมีอายุได้ 1-2 ปีขึ้นไป กะโหลกศีรษะใหญ่ ขนสั้นแน่น เป็นเงางาม เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 1.8 กิโลกรัม นับเป็นสายพันธุ์ที่มีค่าตัวสูงพอสมควร หากแต่ด้วยความน่ารัก เสน่ห์ที่ดึงดูดใจ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักเลี้ยงทั้งหลาย และที่สำคัญตอนนี้ในบ้านเรามีการเพาะเลี้ยงเองทำให้ราคาพอคุยกันได้

4. เนเธอแลนด์ ดวาร์ฟ จัดเป็นกระต่ายขนาดเล็ก มีน้ำหนักเพียง 0.9 กิโลกรัม เท่านั้น หรือเมื่อโตเต็มวัยก็หนักประมาณ 0.5 – 1.1 กิโลกรัม ปัจจุบันที่ ได้รับความนิยมคือชนิดพันธุ์สีขาว เป็นกระต่ายที่มีขนปกติจะมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ขนปกตินี้ประกอบด้วย ขนชั้นนอกที่ยาวและขนขั้นในที่สั้นกว่าขนปกติ

5. ไลอ้อน เฮดสายพันธุ์นี้เกิดจากการเพาะผสมข้ามสายพันธุ์ โดยใช้พันธุ์ลูกผสมพันธุ์ขนยาวผสมกับพันธุ์ขนสั้น ตัวอย่างเช่น ใช้พันธุ์ขนยาวคือพันธุ์แองโกล่า หรือใช้พันธุ์อิงลิช แองโกล่า มาผสมกับพันธุ์ขนสั้นคือ ซิลเวอร์ฟอกซ์ หรือจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองก็ได้ พัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนได้กระต่ายที่มีรูปร่างหน้าตาอันโดดเด่น โดยมีขนขึ้นฟองบริเวณแผงหน้ารอบลำคอ สะโพก และขา ส่วนบริเวณอื่นนั้นจะขนสั้น ลักษณะดังกล่าวดูคล้ายสิงโต จึงเป็นที่มาของชื่อเจ้าสัตว์แสนน่ารักนี้เอง นอกจากเมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งจัดว่าเป็นกระต่ายขนาดกลางใครที่ชื่นชอบหน้าตาแบบนี้หาซื้อมาเลี้ยงกันได้สงวนราคาไม่แพงมากนัก เพราะเป็นพันธุ์ที่เพาะขยายพันธุ์เองได้ในประเทศไทย

6. เจอรี่วู้ดดี้ อีกหนึ่งสายพันธุ์ขนยาวที่ได้รับความนิยมเลี้ยงมากที่สุดเช่นกัน โดยลักษณะทั่วไปคล้ายกับพันธุ์เท็ดดี้แบร์ คือมีขนยาวปกคลุมตลอดทั้งตัวจนแทบมองไม่เห็นหน้าตา ดูผิวเผินคล้ายสุนัขพันธุ์ขนยาว หากแต่แตกต่างกันตรงที่เจ้าเจอรี่วู้ดดี้ นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อโตเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม จัดว่าเป็นกลุ่มพันธุ์ขนาดกลาง เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศแต่ในปัจจุบันมีการนำมาเพาะขยายพันธุ์ได้ผลสำเร็จ ทำให้ราคาค่าตัวไม่สูงมากนัก แถมคุณภาพทัดเทียมจากต่างประเทศ ใครที่ชอบความน่ารัก ขนปุกปุยรับรองได้ผิดหวังสำหรับสายพันธุ์นี้

7. เล็กข์ (กำมะหยี่) กลุ่มสายพันธุ์ขนาดใหญ่อันมีเสน่ห์ดึงดูดใจยิ่งนัก ด้วยลักษณะอันโดดเด่นของขนที่หยิกสั้นหนาคล้ายกำมะหยี่ นอกจากนี้ส่วนของศีรษะหรือกะโหลกจะมีขนาดใหญ่และหูของเจ้าเล็กข์มีขนาดสมส่วน เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 3-4.5 กิโลกรัม

8. แองโกล่า ล๊อปรูปร่างหน้าตาอาจดูคล้ายกับพันธุ์มินิล๊อป โดยมีความเด่นตรงหู ที่ยาวตก ลำตัวกลมป้อม หากแตกต่างตรงที่จะมีขนที่ยาวกว่า สีขนมีหลายสีเช่น ขนมีสีน้ำตาลแดง และสีขาวสลับดำเป็นต้น เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม นับเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

9. ฮอลแลนด์ ล๊อปตัวอ้วนป้อมกลม กะโหลกหนา หน้าตาออกไปทางกลมมน ใบหูปกปิดลงมา ขนสั้นหนาเป็นมันวาว มีหลายสี โดยสีที่นิยมกันจะเป็นสีซาติน สีหมอก และ สีน้ำตาลไหม้ เมื่อโตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม หากใครซื้อมาเลี้ยงรับรองเสน่ห์ความน่ารักของมันไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน